การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กำหนดนโยบายความยั่งยืนองค์กรในปี 2565 ด้วยความมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และตอบรับบริบทความท้าทายต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต บนพื้นฐานความสมดุลของสิ่งแวดล้อม สังคม ธุรกิจและการกำกับดูแล ซึ่งสนับสนุนให้องค์กรบรรลุวิสัยทัศน์ “มุ่งมั่นสร้างสรรค์ความเป็นเลิศ เพื่อเป็นสายการบินที่ดีที่สุดของเอเชีย”


พันธสัญญาสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน

ส่งมอบความสุขผ่านประสบการณ์การเดินทางที่ประทับใจ


ความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้เสีย

บริษัทฯ พิจารณาคุณค่าที่ส่งมอบแก่ผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งผสานกับความบูทีค อันเป็นเอกลักษณ์ของบริษัทฯ โดยการส่งมอบคุณค่านี้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ


ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ

บริษัทฯ ได้ทบทวนห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อการพัฒนาและยกระดับความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการหรือความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียอย่างเหมาะสม สรุปเป็น 5 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย


กระบวนการระบุประเด็นที่เป็นสาระสำคัญของบริษัทฯ

บริษัทฯ กำหนดประเด็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรในปี 2565 ที่ได้จากการวิเคราะห์ประเด็นด้านความยั่งยืนต่าง ๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ร่วมด้วยบริบทที่เป็นสาระสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรม ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม ธุรกิจและการกำกับดูแล ผ่านกระบวนการดังนี้

สรุปประเด็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2565


กลยุทธ์สู่ความยั่งยืน

จากการสรุปประเด็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืน นำมาสู่การกำหนดกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน ดังนี้


การบูรณาการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

บริษัทฯ พิจารณาประเด็นที่เป็นสาระสำคัญของธุรกิจ กับความสอดคล้องในการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) สรุปรวม 8 เป้าหมาย ได้แก่ SDG 6 (Clean Water and Sanitation) SDG 7 (Affordable and Clean Energy) SDG 8 (Decent Work and Economic Growth) SDG 11 (Sustainable Cities and Communities) SDG 12 (Responsible Comsumption and Production) SDG 13 (Climate Action) SDG 16 (Peace Justice and Strong Institution) และ SDG 17 (Partnerships for the Goals)


นวัตกรรมทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม

“Unlabeled Bottled Water” หรือ “ขวดน้ำดื่มไร้ฉลาก” (ใช้วิธีปั๊มนูนรายละเอียดต่าง ๆ ลงบนขวดแทนการใช้ฉลากพลาสติก) ซึ่งบริษัทฯ ให้บริการบนเที่ยวบินในปี 2565 เป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้กระบวนการรีไซเคิลขวดพลาสติกเป็นไปได้ง่าย เนื่องจากไม่ต้องนำมาผ่านกระบวนการคัดแยกฉลาก ทั้งนี้ หากอ้างอิงจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการเที่ยวบินในปี 2565 เทียบได้ว่าการใช้ขวดน้ำดื่มไร้ฉลาก ช่วยลดปริมาณการผลิตฉลากพลาสติกได้เป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านชิ้น


โครงการ Pilot World Application

เป็นโครงการต่อยอดโดยพนักงานของบริษัทฯ จากหนี่งในโครงการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร ภายใต้ชื่อ “โครงการ PG Innovation Award Project (Season 2) - 2019”

ระบบนี้เป็นศูนย์รวม One Stop Services สำหรับนักบินในการดูข้อมูลที่สำคัญก่อนการปฏิบัติการบิน อาทิ การตรวจสอบข้อมูลการอบรมวิชาเฉพาะต่าง ๆ ที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กำหนดให้เป็นระเบียบข้อบังคับ การขอเอกสารผ่านทางแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ รวมถึงการตรวจสอบด้านการบินในเรื่องการใช้น้ำมัน เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้และเพิ่มความรอบคอบในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นเป้าหมายอันสูงสุด

ประโยชน์จากการพัฒนาระบบ Pilot World Application ใช้ในองค์กร

  1. ระหว่างปี 2562-2565 บริษัทฯ มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองต่อเที่ยวบินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดเพิ่มจากก่อนมีระบบดังกล่าวกว่า 4% กระทั่งในปี 2022 บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุนการใช้น้ำมันได้กว่า 132,400,000 บาท
  2. บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุนการดำเนินงาน อาทิ ต้นทุนในการจัดซื้อจัดจ้าง ต้นทุนการจัดเก็บเอกสาร จากการทำหนังสือเล่มแดง รวมถึงใบคำร้องเอกสารต่าง ๆ ที่นักบินใช้สำหรับกรอกแบบร้องขอ
  3. พนักงานมีเวลายืดหยุ่นมากขึ้น จากการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถนำเวลาที่ได้รับกลับมาไปต่อยอดและพัฒนาสิ่งอื่น ๆ ได้

ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม

  1. เนื่องด้วยระบบเป็นเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงไม่มีการใช้ทรัพยากรกระดาษ
  2. จากการที่บริษัทฯ มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองต่อเที่ยวบินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินท์กว่า 10,868 ตันในปี 2565

การบริหารคุณภาพการให้บริการ

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อระบบบริหารคุณภาพในการให้บริการขององค์กร โดยร่วมกันพิจารณาและกำหนดนโยบายคุณภาพ (Quality Policy) ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ บริบท และกลยุทธ์ในธุรกิจสายการบินขององค์กร และสอดคล้องกับกฏหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสายการบิน รวมทั้งเป็นกรอบในการกำหนดวัตถุประสงค์คุณภาพ (Quality Objectives) ระดับองค์กร เพื่อเป็นเป้าหมายการควบคุมคุณภาพการให้บริการตามระบบบริหารคุณภาพขององค์กร

ทั้งนี้ นโยบายคุณภาพ (Quality Policy) ขององค์กรมีการจัดทำเป็นเอกสารคุณภาพและให้ผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ รวมทั้งมีระบบการควบคุมเอกสารคุณภาพตามข้อกำหนดระบบบริหารคุณภาพ และระบบการสื่อสารเพื่อให้พนักงานรับทราบและเข้าใจทั่วทั้งองค์กร รวมถึงพร้อมในการเผยแพร่ข้อมูลต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

นอกจากนี้ นโยบายคุณภาพ (Quality Policy) ขององค์กร ได้รับการพิจารณาทบทวนจากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อการปรับปรุงพัฒนาระบบการทำงานและระบบบริหารคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ตามข้อกำหนดระบบบริหารคุณภาพที่องค์กรประยุกต์ใช้

ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

บริษัทผู้ตรวจประเมินและให้การรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 (Certification Body/ CB) ของบริษัทฯ คือ บริษัท ยูไนเต็ด รีจิสตร้า ออฟ ซิสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด (United Registrar of Systems (Thailand) Ltd. ซึ่งได้รับการรับรองระบบงาน (Accreditation Body /AB) อาทิ UKAS (United Kingdom Accreditation Service) และ IATF (International Automotive Task Force) รวมถึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหน่วยรับรองสถานประกอบการอาหาร จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดย CB บริษัท URS มีแผนการเข้าตรวจสอบกับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องตามวงรอบที่กำหนด ได้แก่

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2565 แม้ว่าจะมีผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทผู้ตรวจประเมินและให้การรับรอง (Certification Body/ CB) ได้เข้าตรวจสอบด้านเอกสาร และตรวจสอบการปฏิบัติงานที่จุดปฏิบัติงานในหน่วยงานและสถานีต่างๆ (On-Site Audit) ได้ตามแผนที่กำหนด ซึ่งผลการตรวจ Surveillance Visit ของ CB บริษัท URS ในปี 2565 ไม่พบประเด็นความไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในระดับ (Non-Compliance /NC) หรือ Major Break-Down ที่มีต่อระบบบริหารคุณภาพขององค์กร ทำให้บริษัทฯ คงไว้ซึ่งการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015


จรรยาบรรณในการปฏิบัติหน้าที่ทางธุรกิจ

นับแต่การก่อตั้ง บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งได้จัดทำจรรยาบรรณในการปฏิบัติหน้าที่ทางธุรกิจ เพื่อเป็นหลักการและแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ ประกอบด้วย จรรยาบรรณกรรมการและที่ปรึกษาบริษัท จรรยาบรรณพนักงาน จรรยาบรรณต่อผู้มีส่วนได้เสีย การรายงานการทำผิดกฎหมายและการไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และการร้องเรียนและการแจ้งเบาะแส โดยชื่อเสียงของบริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับบริษัทฯ จรรยาบรรณในการปฏิบัติหน้าที่ทางธุรกิจนี้ จะช่วยส่งเสริมให้มีการนำค่านิยมและหลักปฏิบัติมาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้จัดทำ “แบบทดสอบความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติตามจรรยาบรรณในการปฏิบัติหน้าที่ทางธุรกิจ” และประชาสัมพันธ์ให้พนักงานร่วมทำแบบทดสอบ เพื่อส่งเสริมหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทฯ และเป็นไปตามนโยบายความยั่งยืนองค์กร โดยมีการบันทึกผล เป็นประวัติการฝึกอบรมของพนักงาน

ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่มีกรณีฝ่าฝืนจรรยาบรรณธุรกิจในปี 2565


การมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคม

เป้าหมายของบริษัทฯ เกี่ยวกับงานชุมชนสัมพันธ์ คือ “การมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนรอบสนามบินและเส้นทางที่บริษัทฯ ทำการบิน” ผ่าน 5 มิติ ประกอบด้วย เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โดยมีการดูแล ติดตาม และปรับปรุงกระบวนการของบริษัทฯ ที่อาจเป็นความเสี่ยงให้เกิดผลกระทบเชิงลบกับชุมชน รวมถึงการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับชุมชน และการร่วมพัฒนาชุมชน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล

การมีส่วนร่วมกับชุมชนที่บริษัทฯ ดำเนินการในปี 2565 มีดังนี้


การจัดการสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจสนามบินและสายการบินเพื่อการพาณิชย์ จัดอยู่ในประเภทโครงการขนส่งทางอากาศ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านอื่น ๆ แล้วเรียบร้อย

จากมติเห็นชอบโครงการสนามบินของบริษัทฯ ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินสมุย สนามบินสุโขทัย และสนามบินตราด เป็นผลให้สนามบินต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัด เป็นประจำทุก 6 เดือน โดยการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวจะศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมใน 4 ด้าน ได้แก่ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการจะต้องติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ เช่น คุณภาพอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือน คุณภาพน้ำผิวดิน คุณภาพน้ำใต้ดิน ทรัพยากรสัตว์ป่า ทรัพยากรชีวภาพแหล่งน้ำ และสภาพเศรษฐกิจและสังคม/ การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการปฏิบัติตามมาตรการ จะทำให้สนามบินรับรู้ถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจการสนามบิน มากน้อยเพียงใด และทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

เกี่ยวกับประเด็นสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญ ในการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคการบิน โดยปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินโครงการการวางแผนใช้น้ำมันอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ในระดับนานาชาติ บริษัทฯยังได้เข้าร่วมโครงการ Carbon offsetting and Reduction Scheme for International Aviation (CORSIA) ของ ICAO เพื่อสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายการรักษาระดับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิของภาคการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และบริษัทฯ ได้มีการศึกษาการใช้น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) ที่จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบินลงได้ โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมการบินวางแผนจะก้าวเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon Emission หรือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2050

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนดำเนินการในขอบเขตอื่น ๆ เช่น การศึกษาการใช้พลังงานหมุนเวียน การประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์องค์กร อีกทั้งริเริ่มศึกษาโครงการ Upcycling อาทิ ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน โดยทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่และนำกลับมาใช้ประโยชน์ในกระบวนการธุรกิจ รวมถึงการ Upcycling ขยะชุมชน เช่น เปลือกหอยนางรม (พื้นที่ทดลอง ณ ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด) โดยออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้ชุมชน

สำหรับ “โครงการ Care the Bear” ที่บริษัทฯ เข้าร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เริ่มในปี 2561 กระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร ทั้งในรูปแบบ Online หรือ Onsite โดยนำหลักการ 6 Cares มาออกแบบเพื่อประเมินผล วัดผล และสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กับองค์กรอย่างยั่งยืนนั้น ในปี 2565 บริษัทฯ มีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับโครงการฯ 39,115.64 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปีของต้นไม้ 4,346 ต้น