กรุงเทพฯ / 14 พฤศจิกายน 2562 - (วันนี้) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA) ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ไตรมาสที่ 3 ปี 2562 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,698.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 65.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ว่า "รายได้รวมของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 6,698.9 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 65.9 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 66.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรายได้ที่ไม่ได้แบ่งตามสายธุรกิจ และค่าใช้จ่ายหลักๆ ของธุรกิจสายการบินที่ปรับลดลง”
“ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (BAC) มีจำนวนสายการบินลูกค้าเพิ่มขึ้น 2 สายการบิน ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าสายการบินทั้งสิ้น 21 สายการบิน บริษัทบริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS Ground) มีจำนวนสายการบินลูกค้าเพิ่มขึ้น 8 สายการบิน ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าสายการบินทั้งสิ้น 84 สายการบิน บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด (WFS-PG Cargo) มีจำนวนสายการบินลูกค้าเพิ่มขึ้น 6 สายการบิน ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าสายการบินทั้งสิ้น 74 สายการบิน”
“สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 20,540.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจสายการบินและธุรกิจสนามบิน ซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ 6.9 และร้อยละ 9.7 ตามลำดับ ในขณะที่รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรายได้ที่ไม่ได้แบ่งตามสายธุรกิจ เติบโตขึ้นร้อยละ 6.7 และร้อยละ 22.1 สำหรับจำนวนผู้โดยสารของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนของปี 2562 มีอัตราการปรับตัวลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากสัดส่วนจุดขายบัตรโดยสาร (Point-of-Sale) ในประเทศไทยและช่องทางอีคอมเมิร์ซปรับตัวลดลง โดยสัดส่วนจุดขายบัตรโดยสาร (Point-of-Sale) ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศซึ่งผู้โดยสารโดยหลักมาจากทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย (ยกเว้นประเทศไทย) โดยในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนผู้โดยสารเติบโตสูงที่สุดซึ่งเติบโตร้อยละ 23.0 ทวีปอเมริกาเหนือเติบโตร้อยละ 10.0 และทวีปเอเชียใต้เติบโตร้อยละ 3.0 ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 121.3 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 131.5 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้นเท่ากับ 0.06 บาท”
“ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ดำเนินการปรับเปลี่ยนและย้ายระบบที่ให้บริการผู้โดยสาร (Passenger Service System) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการผู้โดยสาร และในเดือนสิงหาคม 2562 บริษัทฯ ได้ลงนามข้อตกลงในการให้บริการเที่ยวบินร่วมกับสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในการเดินทางเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ผ่านเที่ยวบินของบริษัทฯ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในประเทศไทยและประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) ทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีจำนวนสายการบินพันธมิตรเป็นจำนวนทั้งสิ้น 27 สายการบิน และในช่วงเดียวกัน บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสารแห่งใหม่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับรางวัลท็อปเท็นสายการบินที่ให้บริการบนเครื่องที่ดีที่สุดในโลก (Top Ten Best in Cabin Service - Worldwide) จากการจัดอันดับแบบสำรวจความคิดเห็นสุดยอดแบรนด์ท่องเที่ยวประจำปี 2562 โดย สมาร์ท แทรเวล เอเชีย ซึ่งจัดทำโดย SmartTravelAsia.com เว็บไซต์และนิตยสารท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของเอเชีย และ บริษัทฯ ยังได้รับการประกาศให้เป็นสายการบิน 5 ดาวระดับภูมิภาค ในการจัดอันดับ Official Airline Ratings™ ของ APEX ประจำปี 2563 โดย APEX (Airline Passenger Experience Association) ที่ทำการประเมินคุณภาพการบริการของสายการบินทั่วโลกโดยใช้ APEX Official Airline Ratings™ ซึ่งเป็นโปรแกรมการจัดอันดับสายการบินที่วิเคราะห์ผลตอบรับและข้อเสนอแนะของผู้โดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ TripIt® ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นการจัดการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก” นายพุฒิพงศ์ กล่าวเสริม